ข่าวผู้ขายกัญชารบกวนปฏิบัติตาม ไม่ขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20

ตั้งแต่กัญชากลายเป็นสินค้าถูกกฎหมายที่สามารถครอบครองและซื้อขายกันได้บนท้องตลาดในปริมาณที่กำหนดก็มีผู้ค้าหลายรายที่หันมาทำอาชีพนี้กันมากขึ้นและหนึ่งในนั้นก็คือนายแดฟเจ้าของกัญชาลำพัน

เมื่อวันที่ 29 มิถุนาที่ผ่านมาตำรวจ สน. ชนะสงคราม พร้อมด้วยผอ. นายวสันต์ บุญหมื่นไวย์ ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าลงสำรวจเขตพื้นที่ที่ดูแลเพื่อจัดระเบียบแผงลอยและร้านค้าบนริมถนนและเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และในขณะที่กำลังเดินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอยู่นั้นก็มีร้าน กัญชาลำพัน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ดูแลในเขตถนนข้าวสาร และได้มีการสอบถามถึงเรื่องของใบอนุญาตหรือใบลงทะเบียนสำหรับการค้าขายบนพื้นที่ที่กำหนดและปรากฏว่านายแดฟเจ้าของร้านไม่มีใบอนุญาตให้ทำการขายตรงพื้นที่ริมถนนข้าวสารตรงนี้

ชี้แจงเกี่ยวกับความผิดของนายแดฟเจ้าของร้านกัญชาลำพัน

ต่อมานายวสันต์ผอ. เขตพระนครได้กล่าวว่า การจำหน่ายกัญชาและการถือครองไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายเพียงแต่พื้นที่ที่นายแดฟ เจ้าของร้านได้ดำเนินกิจการอยู่ริมถนนข้าวสารนั้น เป็นพื้นที่ที่กำหนดไว้ว่าให้มีร้านค้าและร้านอาหารที่ตั้ง อยู่ในบริเวณต้องมีใบลงทะเบียนร้านค้าและต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบทั้งหมดจึงจะสามารถตั้งร้านบนถนนเส้นนี้ได้ซึ่งในส่วนของร้านขายกัญชานั้นไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใดเพียงแค่ต้องทำตามมาตรการในการจัดการพื้นที่ของทางเทศบาลและเขตที่กำหนดเท่านั้น และยังระบุอีกว่าที่ผ่านมายังไม่มีร้านขายกัญชาใดที่เข้ามาขึ้นทะเบียนกับทางสน. จนถึงขณะนี้

ด้านนายแดฟเจ้าของร้านกัญชา ได้กล่าวว่าตนเองได้เริ่มขายกัญชา Organic ตั้งแต่มีการเปิดให้ครอบครองและค้าขายได้โดยเสรี โดยตนได้ไปดำเนินกิจการครั้งแรกอยู่ที่พัทยาเพียงแค่วันเดียวก็ได้ย้ายมาตั้งอยู่ริมถนนข้าวสารโดยมีทั้งโต๊ะเก้าอี้เหมือนร้านขายอาหารตามปกติและมีการหมุนลำพันเพื่อเป็นบริการให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ร้านอีกด้วย โดยตนได้มีการขายกัญชาทั้งนอกและไทยมีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 200 บาทไปจนถึง 450 บาทรวมถึงพันธุ์ไทยชื่อดังอย่างกัญชาหางกระรอกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และนายแดฟ ยังได้ระบุอีกว่าก่อนหน้านั้นตนได้จำหน่ายอยู่ตรงบริเวณโค้งคอกวัว แต่เนื่องจากต่อมามีร้านขายกัญชาเปิดเป็นคู่แข่งอีกมากมายตนจึงย้ายมาขายอยู่ตรงจุดนี้และต่อไปนี้ต้นจะเริ่มดำเนินการขอขึ้นทะเบียนร้านกัญชาของตนเองอย่างถูกกฎหมายเพื่อที่จะดำเนินกิจการได้ต่อไป

สำหรับการขายกัญชาบนทางเท้านั้นกรณีของการจำหน่ายนั้นไม่มีบัญญัติไว้ว่าเป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใดรวมถึงสามารถครอบครองได้ตาม พรบ.คุ้มครองตามกฎหมายการกระทำของนายแดฟจึงไม่ถือเป็นความผิด เพียงแต่ไม่สามารถจำหน่ายโดยที่ไม่ขึ้นทะเบียนร้านค้าก่อนได้ทางสน. จึงต้องทำการปิดกิจการนายแดฟ ชั่วคราวจนกว่าจะมีใบอนุญาตเพื่อนกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง เนื่องจากการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการรักษาความสะอาดพุทธศักราช 2535 และมีอัตราการปรับไม่เกิน 2000 บาท

เพื่อคุ้มครองเยาวชนและเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ จึงขอความร่วมมือ

ทั้งนี้ พลตำรวจเอก ธราดล ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการจำหน่ายและการถือครองกัญชาจะไม่ผิดกฎหมายแล้วในปัจจุบัน แต่ก็ยังอยากขอความร่วมมือเหล่าผู้ค้าว่าให้ตรวจสอบบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตหากเป็นชาวต่างชาติก่อนเพื่อเป็นการจำกัดอายุของผู้ซื้อต้องมีอายุเกิน 20 ปีเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ใช้กัญชาไม่ว่าจะจุดประสงค์ใดก็แล้วแต่มีความสามารถคิดวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียได้เอง

และยังขออีกว่าไม่ควรให้มีการแสดงวิธีการทำเพื่อเสพบนทางเท้าหรือในที่สาธารณะ รวมถึงไม่ให้มีการถ่ายคลิปวิดีโอไม่ว่าทั้งจากทางลูกค้าและทางร้านเพราะว่าในขณะนี้โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลกับเยาวชนและเด็กเป็นจำนวนมากในปัจจุบันและยังสามารถเข้าถึงได้ง่าย อาจเป็นเหตุให้มีการปฏิบัติตามหรือเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ อย่างไรก็ตามยังมีการเน้นย้ำถึงจุดประสงค์ของการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย เพื่อให้ถูกใช้ในการบำบัดและรักษาเท่านั้นไม่ได้ถูกกฎหมายเพื่อให้ใช้ในการสันทนาการ

Scroll to Top